แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พุทธทาส แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พุทธทาส แสดงบทความทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563
วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
Bangkok story
ป้ายกำกับ:
ชวนคิดชวนคุย,
พุทธทาส,
พุทธอุทาน,
มหายาน,
วิทยุ,
bangkok,
chainatown,
dhamma,
yaowarat
ดาบสสอนบุตร
ป้ายกำกับ:
เจ้าดำ,
ชวนคิดชวนคุย,
พุทธทาส,
พุทธอุทาน,
มหายาน,
วิทยุ,
bangkok,
chainatown,
dhamma,
yaowarat
ตำแหน่ง:
ถนน เยาวราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562
วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562
ชีวิตคือความท้าทาย
ถ้าเราท้าทายกับการปฏิวัติชีวิตมนุษย์ของเรา ด้วยความเชื่อมั่นว่า เราจะได้รับชัยชนะในชีวิตในที่สุด เราจะสามารถขยายสภาพชีวิตของเราได้อย่างกว้างใหญ่ เราจะได้รับสภาพชีวิตแห่งอิสระที่ไม่มีขอบเขตจำกัดซึ่งจะทำให้เราโอบอุ้มความยากลำบากและความเศร้าโศกทั้งหลายได้ราวกับมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่เวลาจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน เมื่อความสำคัญของประสบการณ์ทั้งหลายของเราปรากฏชัดออกมา ด้วยเหตุผลดังกล่าว สิ่งสำคัญคือเราต้องยังคงมุ่งหน้าต่อไปบนพื้นฐานของความไม่ประมาท
บทความที่เขียนขึ้นนี้เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังท้อแท้หรือหมดหวังในชีวิตโดยการนำเสนอบทความนี้จะประมวลนำเอาประสบการของตนเองบ้าง - คนรอบข้างบ้างนำมาเรียบเรียงและรวบรวมเป็นหมวดหมู่หรือว่าหัวข้อชวนคิด - ชวนคุย หวังว่าจะได้สาระบ้างไม่มากก็น้อย.....Sgi International Association
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561
วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ดอกเตอร์ วังการี
ดร.วังการี มาไธ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้รับรางวัลโนเบล ด้านสันติภาพ ชาวเคนยา ผู้ซึ่งข้าพเจ้าและภรรยามีมิตรภาพอย่างอบอุ่น เขียนไว้ว่า ทุกคนที่เคยบรรลุความสำเร็จในเรื่องใด ๆ ล้วนเคยล้มลงหลายครั้ง แต่ทุกคนลุกขึ้นและสู้ต่อไป และนั่นคือสิ่งที่ดิฉันพยายามทำอยู่เสมอ บุคคลผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ยอมแพ้
โปรดดำเนินชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะท้าทายความยากลำบากอย่างกล้าหาญ ไมว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน และมีชัยชนะในที่สุด
ป้ายกำกับ:
เจ้าดำ,
ชวนคิดชวนคุย,
แปะกิมโคย,
พุทธทาส,
มหายาน,
chainatown,
dhamma,
yaowarat
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561
วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2561
ความหวัง
เราสามารถฉายส่องได้อย่างแท้จริง
โดยการซื่อสัตย์กับตัวเอง
ตามลักษณะเด่นของเรา
ด้วยความจริงใจ และความตั้งใจ
ขอให้ก้าวหน้าไปบนหนทางที่ถูกต้อง
ผู้ที่ดำเนินชีวิตด้วยวิธีดังกล่าว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
จะต้องมีชัยชนะเมื่อสิ้นสุดของวัน By.....Nichiren Buddhism
เงาชีวิต
ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้องใช้ฟิล์มถ่ายไว้นานมากแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าฉันเกิดมาจากที่ไหน ? ลูกใครหลานใคร ? บัดนี้ฉันก็ยังไม่มีใครรู้ว่า? ฉันคือใคร? มีลูกหลานหรือไม่ ?แต่ฉันรู้ว่าฉัน เกิดมากับสิ่งแลกเปลี่ยน หิว ต้องกิน ง่วงต้องนอน หายง่วงต้องตื่น ป่วยต้องกินยา บางที่ป่วยก็แลกกับหายได้โดยไม่ต้องรักษาฉันอยู่คู่โลกมาช้านาน แต่ไม่ใช่ความต้องการของโลก ไม่ใช่ความต้องการของตัวเองและไม่ใช่สังคมต้องการเพียงแต่ว่าเขาให้กิดมา ฉันจึงต้องมีหน้าที่มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้องทำลายชีวิตลง เพราะไม่นานคงต้องดับสูญ เมื่อมีชีวิตก็ต้องมีงาน เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษา โรค ส่วนที่อยู่อาศัย ประเทศของฉันมีที่กว้างขวางแต่ฉันก็ไม่เป็นเจ้าของก็ได้มีดินที่ฉันนั่ง ลุก เดิน ยืน และนอนได้เพี่ยงบางคืนก็หาชายคาได้ที่ไหน ก็ขอแอบอิงพอพ้นน้ำค้างงานของฉันคือให้ความสะอาดของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อมา ก็กลับหัว - กลับหางให้เพื่อสะดวกในการพาให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ถูกตำหนิบ่อยครั้งว่าย้ายที่ของฉันทำไม ? ฉันหายากยอมรับผิดด้วยความเงียบเพราะย้ายจากหัวไปหางเท่านั้น เมื่อก่อนเจ้าของจะจากไป ฉันยกมือไหว้ เขาให้สตางค์บางคนไม่ให้ ฉันก็ไหว้ บางคนที่ไม่ให้บอกว่าฉันไม่มี แต่เขาบอกว่าน่าสงสารฉันอมยิ้มและบอกว่าแค่คำนี้คุณให้ฉันมาเยอะแล้ว เพราะสงสารก็คงไม่ต้องการให้ฉันมีทุกข์......
เรียบเรียงโดย.......พิกุล พุทธศักราช 2525
บทความนี้คัดลอก(พิมพ์เป็นไฟล์)จากวารสาร พลังชีวิต ปีพุทธศักราช 2527
คัดลอกบทความ..........กัลยาณมิตร
วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560
Wake - up Sermon

ปรากฏการณ์ทั้งหลายล้วนเป็นมายาจงอย่ายึดติดในปรากฏการณ์ใด ๆ เลย แล้วจิตเธอจะเป็นหนึ่งเดียวกับพุทธะแต่เมื่อเธอเข้าใจ ความผิด ความผิดก็ไม่ใช่ความผิดเพราะว่าความผิดมิได้มีอยู่จริง พระสูตรกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดที่มีธรรมชาติเฉพาะของมันเองจงกระทำโดยไม่ต้องลังเล - สงสัยความผิดเป็นผลของความสงสัย เมื่อเธอเข้าใจเช่นนั้นการกระทำที่ผิดพลาดของ เธอในอดีตก็ถูกลบล้างไปหมด เมื่อเธอหลงความรู้สึกสัมผัสทั้ง 6 และขันธุ์ทั้ง 5 ก็ประกอบไปด้วยความทุกข์และความตาย ต่อเมื่อเธอตื่นแจ้งขึ้นความรู้สึกสัมผัสทั้ง 6 และขันธุ์ 5 ก็ประกอบไปด้วยนิพพานและความไม่ตายบุคคล ที่กำลังหาทางจะไม่มองข้ามตนเองเขารู้ว่า จิต นั่นแหละคือทาง ๆ นั้นแต่เมื่อเขาพบ จิต เขากลับไม่ได้พบอะไรเลยและเมื่อเขาพบทางเขากลับไม่ได้พบอะไรเลยเช่นกัน หากเธอคิดว่าเธอสามารถใช้จิตค้นหาทางได้เธอกำลังหลงแม้แต่.เธอกำลังหลงความเป็นพุทธภาวะก็ยังคงมีอยู่กับเธอ แต่เมื่อเธอตื่นรู้พุทธะภาวะกลับมิได้จำเป็น
ต้องมีอยู่นี่ก็เพราะว่าความ ตื่นรู้คือพุทธะภาวะภายในตัวมันเอง ถ้าเธอมองหาทาง ๆ นั้นจะไม่ปรากฏจนกว่ารูปกายของเธอจะหายไปมันคล้ายกับการปลอกเปลือกต้นไม้นั่นเอง รูปกายแห่งกรรมนี้อยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลามันมิได้มีความจริงแท้แน่นอน การปฏิบัติอยู่ตรงความคิดเห็นอันหลายหลากของเธอนั่นเองจงอย่าได้เกลียดชีวิตและความตายหรือรักในชีวิตและความตายรักษาทุก ๆ ความคิดของเธอให้ปราศจากความหลงและในชีวิตของเธอจะประจักษ์แจ้งต่อนิพพานและ ในความตายเธอจะประสบ
ความมั่นใจต่อความไม่เกิดอีกการได้เห็นรูปแต่ไม่แปดเปื้อนด้วยรูป การได้ยินเสียงแต่ไม่แปดเปื้อด้วยการได้ยินเสียง คือ ความหลุดพ้น ตาที่ไม่ยึดติดในรูปคือประตูแห่ง Zen หูที่ไม่ยึดติดในเสียงก็คือประตูแห่ง Zen ว่าโดยสรุป ผู้ที่รับรู้ในการมีอยู่และเข้าใจปรากฏการณ์โดยไม่ยึดติดกับมันคือผู้หลุด พ้นบุคคลที่รับรู้ปรากฏการณ์แต่เพียงภายนอก โดยมิได้เข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้ของมันก็จะหลงเข้าไปจมแช่อยู่ในปรากฏการณ์ นั้นการไม่ยึดติดจมอยู่ในปรากฏการณ์แห่งทุกข์คือความหมายของการหลุดพ้น มันมิได้มีความหลุดพ้นอื่นอีกเมื่อเธอรู้ว่าจะรับรู้รูปอย่างไร รูปก็จะไม่ปรุงจิต จิตก็จะไม่ปรุงรูปรูป และจิตก็ยังคง
ความบริสุทธิ์อยู่เช่นเดิม เมื่อความหลงหายไป จิตคือ ดินแดนแห่งพุทธะเมื่อความหลงปรากฏขึ้นอีก พลันจิตก็กลายเป็นแดนนรกปุถุชน มักสร้างความหลงโดยการใช้ จิต ทำให้จิต เกิดเขาก็จะพบตัวเองอยู่ในแดนนรก โพธิสัตว์ทั้งหลายเห็นแจ้งในความหลงและไม่ใช้จิต ทำให้จิตเกิดเขาก็จะพบตัวเองอยู่ในดินแดนพุทธะเสมอถ้าหากเธอไม่ใช้ จิต สร้างจิต ทุก ๆ สภาวะก็ล้วนว่างเปล่าและทุก ๆ ความคิดก็จะสงบนิ่ง เธอก็จะไม่เคลื่อนจากแดนพุทธะหนึ่งไปสู่อีกแดนหนึ่ง แต่ถ้าหากเธอใช้จิตของเธอสร้างจิตทุก ๆ สภาวะจิตก็จะถูกรบกวนและทุก ๆ ความคิดจะเคลื่อนไหววุ่นวายเธอก็จะเคลื่อนจากแดนนรกหนึ่งไปสู่อีกแดนนรก หนึ่ง เมื่อความคิดเกิดขึ้นมันก็มีกรรมดี และ กรรมชั่ว มีสวรรค์ และ มีนรกต่อเมื่อไม่มีความคิดเกิดขึ้น
มันก็ไม่มีกรรมดีและกรรมชั่วไม่มีนรกและ สวรรค์ ร่างกายไม่ใช่เป็นสิ่งมีอยู่หรือไม่มีอยู่ ดังนั้นการมีอยู่เหมือนกับปุถุชนและการไม่มีอยู่เหมือนเช่นปราชญ์คือบทสรุป ที่ว่าผู้รู้ทั้งหลายย่อมมิต้องกระทำอะไร ใจของเขาว่างเปล่าและกว้างขวางดุจท้องฟ้านั่นคือบุคคลที่อยู่ในพุทธมรรคอย่าง สมบูรณ์ ย่อมอยู่นอกเหนือความเป็นอรหันต์หรือปุถุชน เมื่อจิตถึงนิพพานเธอจะไม่เห็นนิพพานเพราะจิตนั่นคือนิพพาน หาก
เธอเห็นนิพพานในที่ใดที่หนึ่งนอกจิต เธอกำลังหลอกตัวเอง ทุก ๆ ความทุกข์คือเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะเพราะว่าความทุกช่วยผลักดันให้ปุถุชนเกิด ปัญญา แต่เธอสามารถ กล่าวได้เพียงว่าความทุกข์ให้กำเนิดพุทธภาวะเธอไม่สามารถกล่าว ว่าความทุกข์คือคือพุทธภาวะ กายและจิตของเธอคือผืนดิน ความทุกข์คือเมล็ดพันธุ์ ปัญญาคือลำต้นและพุทธภาวะคือหมากผล พุทธะในจิตคล้ายกับกลิ่นหอมของต้นไม้พุทธะมาจากจิตที่ปราศจากความทุกข์ เฉกเช่นกลิ่นหอมของต้นไม้ที่ปราศจากโคลนตม มันไม่มีกลิ่นหอมที่
ปราศจากต้นไม้และไม่มีพุทธะที่ปราศจาก จิต ถ้าหากว่ามันมีกลิ่นหอมที่ปราศจากต้นไม้ มันก็เป็นกลิ่นหอมที่แตกต่างกันออกไปถ้าหากมันมีพุทธะที่ปราศจากจิตมันก็ เป็นพุทธะที่แตกต่างกันออกไปเมื่อพิษทั้ง 3 เกิดขึ้นในจิตใจของเธอ เธอกำลังอาศัยอยู่ในดนแดนสกปรก เมื่อพิษทั้ง 3 อันตรธานไป จากจิตของเธอเธอกำลังอาศัยอยู่ในดิน แดนบริสุทธิ์ พระสูตรกล่าวไว้ว่าถมแผ่นดินด้วยสิ่งสกปรกและขยะหมายถึงโลภ โกรธ หลง พุทธะหมายถึงความบริสุทธิ์และจิตผู้ตื่นรู้มันไม่มีภาษาที่ไม่ใช่ธรรมการพูด ตลอดทั้ง
วันโดยมิกล่าวอะไรคือทาง ๆ นั้นการอยู่เงียบ ๆ ตลอดทั้งวันแต่ยังคงกล่าวหลายสิ่งหลายอย่างย่อมไม่ใช่ทาง ดังนั้นมันมิใช่คำพูดของตถาคตขึ้นอยู่กับความเงียบหรือความเงียบของท่านขึ้น อยู่กับคำพูดหรือว่ามีอยู่หากจากความเงียบของท่านบุคคลที่เข้าใจแจ้งชัดทั้ง คำพูดและความเงียบคือผู้อยู่ในสมาธิถ้าเธอพูดโดยเธอรู้อยู่คำพูดของเธอนั้น เป็นอิสระ ถ้าเธอเงียบเฉย โดยเธอไม่รู้ความเงียบของเธอได้ถูกมัดตรึง ถ้าคำพูดกับปรากฏการณ์มันเป็นอิสระถ้าความเงียบเฉยยึดติดกับปรากฏการณ์ มัน ก็ถูกยึดตรึงไว้ ภาษา
โดยเนื้อแท้แล้วมันเป็นอิสระมันไม่มีอะไรต้องทำเกี่ยวกับการยึดติดและการยึด ติดก็ไม่มีอะไรต้องทำเกี่ยวกับภาษา สัจจะความจริงไม่มีสูงและไม่มีต่ำหากเห็นว่ามันสูงมันต่ำมันก็มิใช่ความจริงแพนั้นไม่ใช่สิ่งจริงแต่ผู้โดยสารตะหากเป็นสิ่งจริงบุคคลที่โดยสารแพสามารถข้า สิ่งไม่จริงนั่นคือสาเหตุว่ามันจริง ในโลกมีทั้งผู้หญิง - ผู้ชาย เศรษฐีและคนยากจนแต่ในทาง ๆ นี้มันมิได้มีผู้หญิง - ผู้ชาย มิได้มีเศรษฐีหรือคนยากจนแม้นเมื่อเทพธิดาได้เห็นประจักษ์ในทางเธอไม่ได้ เปลี่ยเพศของเธอเมื่อเด็กชายธรรมดาตื่น
แจ้งต่อความจริงเขามิได้เปลี่ยนสถานะความเป็นเด็กของเขา เมื่ออิสระจากเพศและสถานะเขาทั้งหลายก็มีพื้นฐานลักษณะเดียวกัน เทพธิดาน้อยใช้เวลา 12 ปีเพื่อค้นหาความเป็นผู้ใหญ่แต่มิได้ผลสำเร็จการใช้เวลาค้นหาถึง 12 ปีสำหรับผู้ชายก็มิได้มิผลสำเร็จเช่นกัน 12 ปีนี้หมายถึงการเข้าถึง 12 ทาง (อาย ตะนะภายนอกและภายใน) เมื่อปราศจากจิตก็ไม่มีพุทธะเมื่อปราศจากพุทธะก็ไม่มีจิตเช่นเดียวกันเมื่อ ปราศจากน้ำก็ไม่มีน้ำแข็งเมื่อปราศจากน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำเช่นเดียวกัน ใครก็ตามที่ยังบอกให้หนีหรือกำจัด
สภาวะของจิต เขาก็ยังไปไม่ถึงไหน จงอย่ายึดติดกับปรากฏการณ์ใด ๆ ของ จิต
การฟังธรรมด้วยความตั้งใจเป็นการเคารพพระธรรม การฟังธรรมเสมอ ๆ ความเข้าใจย่อมสะสมไปในภพหน้า ความถือตัว คือ มานะ ขณะมีมานะ ขาดความเมตตา ความเมตตาเจริญขึ้นเท่าไรความโกรธยิ่งน้อยลง เราต้องกรุณาแม้ความเห็นผิดของผู้อื่น
หมายเหตุ.........พิมพ์คัดลอกจากหนังสือคำสอน ดุจดังกระแสโลหิด
ตำแหน่ง:
ซอย พิพัฒน์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ป้าสุชาดา
ป้ายกำกับ:
เจ้าดำ,
ชวนคิดชวนคุย,
พุทธทาส,
dhamma,
yaowarat
วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ทางเสื่อม

ปากวิถีสี่อย่างหนทางเสื่อม
อย่าอาจเอื้อมแตะต้องของฉิบหาย
โภคทรัพย์นับอนันต์พลันวอดวาย
คืออบายมุขแท้มีแต่ตรม
หนึ่งเป็นนักเลงหญิงที่เสื่อมเสีย
ผิดลูกเมียคบชู้ร่วมสู่สม
แม้ในหญิงเพศยาอย่านิยม
ลอบเชยชมหญิงชายร้ายเช่นกัน
สองเป็นนักเลงเหล้าเอาแต่ดื่ม
เมาจนลืมหลงใหลไปเกินขั้น
เช้าก็เฮ เย็นก็ฮา สารพัน
ทุกข์โทษทัณฑ์มากมายหลายประการ
สามเล่นพนันผันทรัพย์จนยับย่อย
มากหรือน้อยไม่เห็นเป็นแก่นสาร
เป็นนักเลงการพนันส่อสันดาน
ก่อรำคาญเคืองเข็ญอยู่เป็นนิจ
สี่คบค้าสมาคมจะสมมาย
คบสหายผ่องผุดสุจริต
หากคบคนชั่วมาเป็นมิตร
ก็จะคิดชักพาไปในทางเลว
ป้ายกำกับ:
ชวนคิดชวนคุย,
พุทธทาส,
bangkok,
chainatown,
dhamma,
yaowarat
Ghost 2011

พูดถึงเรื่องผี หรือเรื่องลี้ลับที่ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้นั้นมีทุกชนชาติและทุกภาษาแตกต่างกันออกไป เรื่องทั้งหลายจะมีจริงหรือไม่กำลังรอการพิสูจน์
มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้กับผู้เขียนเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถนายน 2011 เวลาประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ๆ ผมเจอโอปปาติกะ ตอนกลางวันกล่าวกันว่าถ้าขณะใดจิตเรานิ่งพอแล้วอาจสัมผัสได้ถึงสิ่งลี้ลับวันดังกล่าวผมนั่งโพสกระทู้อยู่คนเดียวในบ้านซึ่งบ้านของผมนั้นเป็นลักษณะคอนโดมิเนียมปิดประตูเรียบร้อยมิดชิดตลอดเวลาและในวันนั้นผมก็ได้ได้ยินเสียงมาคนมารื้อข้าวของใกล้ ๆ กับคอมพิวเตอร์ที่ผมนั่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 1 เมตรผมก็สงสัยว่าเสียงอะไรเดินไป
ดูข้าวของก็อยู่เรียบร้อยปกติไม่มีร่องรอยการถูกรื้อค้นแต่ประการใดผมก็เปิดประตูบ้านเจอเลยเป็นเด็กสาววัยรุ่นใส่เสื้อสีเหลืองกางเกงวอร์มเหมือนชุดเล่นกีฬาบอกว่าพี่หนูเอาไม้กวาดมาคืนผมก็นึกว่าคืนผิดห้องก็เลยรับไม้กวาดเอาไว้อย่างงง ๆ แล้วมานึกดูว่าผมมีไม้กวาดใหม่ ๆ อยู่อันหนึ่งยังไม่ได้ใช้เก็บไว้ในซอกที่วางของ พอนึกขึ้นได้ผมก็เดินไปดูว่าไม้กวาดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าไม้กวาดที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้วแสดงว่า ไม้กวาดที่เด็กสาวคนนั้น
เอามาคืนผมก็เป็นไม้กวาดของผมเองไม่ได้คืนผิดห้องหรือคืนผิดคนต่อมาผมจึงจุดธูปบอกว่าน้องเป็นโอปปากิกะหรือเปล่า ? ถ้าเป็นวิญญาณก็ขอให้มาดี มีเรื่องจะคุยด้วยแต่ก็เงียบมีแต่เสียงทุบประตูบ้าง เคาะโน่น เคาะนี่บ้างมากวนใจเล่น ๆ ซ่ะงั้นผมอยู่กับเสียงปริศนามาหลายปีถามคนอื่นเค้าก็บอกว่าได้ยินเหมือนกันแต่ไม่ได้สนใจงั้นก็แสดงว่า
หูของผมฟังไม่ผิดแล้วก็ไม่ได้ตาฝาดเด็กสาวคนนั้นเอาไม้กวาดมาคืนจริง ๆ แล้วเค้ารู้ได้อย่างไรว่าบ้านของผมมีไม้กวาด แล้วไม้กวาดก็เก็บไว้ในซอกอย่างมิดชิดกะว่าอันที่ใช้อยู่เสียจะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ไม่ได้นึกว่าจะเจอกับตัวเองเพราะผมไม่ได้ไปสวดมนต์นานแล้วเหมือนกันประมาณ 1 เดือนเห็นจะได้ผมจุดธูปบอกเขาก็ไม่มาหารอตั้งหลายวันแล้วผมคิดว่าถ้ามาก็ขอให้มาดีมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจหรอกจากวันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยเจอเด็กสาวคนนี้อีกเลย
ถ้าทำดีจะเคราะห์ร้ายหรือ เพราะฉะนั้น เมื่อเคราะห์ร้ายเกิดจากการทำไม่ดี ก็ทำดีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีเคราะห์ร้ายต่อไป ไม่ดีหรือ ?
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560
โรงภาพยนต์ในอดีต
สวัสดีครับสำหรับท่านที่เพิ่งมา Blog แห่งนี้บังเอิญไปได้บทความน่าสนใจมาจึงนำมาแบ่งปันเป็นความรู้ประดับสมองมันมีประโยชน์แน่ ๆ ครับสำหรับเด็กรุ่นใหม่เกี่ยวกับโรงภาพยนต์ ในยุคสมัยนี้ย้ายมาอยู่ในห้างจนหมดแล้วซึ่งเมื่อก่อนโรงภาพยนต์กระจัด - กระจายอยู่ในที่ต่าง ๆ ซึ่งชัยภูมิของแต่ละที่จึงไม่เหมือนกัน
โรงหนังเป็นสถานที่ที่จัดฉายหนังให้ความบันเทิงแก่ผู้คนมาช้านานก่อนที่ทีวีและวีดีโอจะเข้ามาแบ่งตลาดส่วนนี้ออกไป แต่เดิมการสร้างโรงหนัง ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัดจะสร้างเป็นอาคารหลังเดี่ยวเพื่อให้ดูโดดเด่น มีอาณาบริเวณกว้างขวาง จะเป็นโรงชั้นเดียวหรือสองชั้น จะสร้างจากไม้หรือจากปูน จะติดพัดลมหรือจะติดแอร์ก็ได้ตามแต่ท้องถิ่นนิยม ส่วนการฉายหนังก็จะไม่ฉายเรื่องเดียวกันหลายโรงพร้อมกันทั่วประเทศเหมือนอย่างทุกวันนี้ แต่จะฉายโรงเดียวและยืนโปรแกรมนานอยู่เป็นเดือน ๆ จนเมื่อคนดูลดน้อยลง จึงถอดโปรแกรมออกไปฉายในจังหวัดอื่นต่อไป
โรงหนังยังเป็นสถานที่นัดพบ ฟังเพลง พูดคุยกันตลอดจนรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับหนังและโฆษณาต่าง ๆ เพราะแต่ละโรงจะมีใบปิด โชว์การ์ด โปสเตอร์หนังมาติดประกาศไว้ให้ดูก่อนล่วงหน้านานเป็นเดือน ๆ ในยุคที่ละครวิทยุอย่าง คณะแก้วฟ้า เกศทิพย์ กำลังโด่งดัง เจ้าของหนังจะเอาหนังที่จะฉายนั้นไปทำเป็นละครวิทยุออกกระจายเสียงให้คนได้ฟังก่อน ซึ่งเป็นการโฆษณาที่ได้ผลอย่างมากเพราะถ้าละครเรื่องไหนเป็นที่ถูกอกถูกใจคนฟังมาก ๆ ก็จะมีคนไปดูหนังมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งแต่เดิมใครอยากจะดูหนัง ก็ต้องไปดูที่โรงหนังเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่อยากจะเสียเงิน ก็ต้องรอดูจากหนังกลางแปลง แต่คนก็ชอบที่จะไปดูหนังวันแรก ๆ โดยเฉพาะรอบปฐมทัศน์ซึ่งจะมีรายการพิเศษก่อนฉายหนัง
ต่อมาเมื่อวีดีโอเทปได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ธุรกิจโรงหนังที่เคยรุ่งเรืองก็ต้องสะดุดหยุดลง ยิ่งค่าเช่าวีดีโอถูกกว่าค่าตั๋วด้วยแล้ว คนก็เลือกที่จะดูวีดีโออยู่ที่บ้านมากขึ้น ความกระตือรือร้นที่จะออกจากบ้านไปดูหนังที่โรงจึงลดลงไปเรื่อย ๆ โรงหนังที่สร้างไว้ขนาดใหญ่ก็เริ่มมีคนดูบางตาจนไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ความเงียบเหงาของโรงก็ทำให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าเข้าโรงหนังเพราะเกรงจะเกิดภัยที่คาดไม่ถึง จากที่เคยฉายเรื่องเดียว ก็ดิ้นรนมาฉายหนังควบเพื่อเรียกคน มีการปรับเปลี่ยนสภาพโรงให้มีขนาดเล็กลงบ้าง แต่ทนอยู่ได้ไม่นาน ก็เลิกกิจการไปทีละรายสองรายจนทุกวันนี้แทบไม่มีโรงหนังให้เห็น ดังนั้น ทีวี วีดีโอจึงตกเป็นจำเลยที่ 1 ที่ถูกเจ้าของโรงหนังตราหน้าว่า เป็นสิ่งที่ทำให้คนหมดความอยากที่จะออกไปดูหนังโรง ก่อนที่วีซีดีและดีวีดีจะเข้าแถวตามมาเป็นจำเลยร่วมอีกปัจจุบัน โรงหนังเก่า ๆ ในกรุงเทพฯ ต่างปิดตัวเองไปเรื่อย ๆ ซึ่งบางแห่งก็ยังพอมีสภาพเดิมให้เห็นอยู่บ้าง บางแห่งก็ถูกรื้อทิ้งและสร้างอาคาร
ประกอบกิจการอย่างอื่นไปแล้ว เวลาที่ผมเขียนถึงหนังไทยเก่า ๆ จึงมักจะบอกว่า หนังเรื่องนั้นเคยฉายที่โรงหนังไหนมาก่อนเพื่อไม่ให้คนลืมชื่อโรงหนังนั้น ๆ เพราะโรงหนังถือว่า เป็นสถานที่ที่เคยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับหนังไทยมาก่อน เมื่อเขียนไปบ่อย ๆ คนก็อยากจะรู้ว่า โรงหนังนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ยังอยู่หรือไม่และอยู่ที่ตรงไหน ฉบับนี้จึงพาไปดูโรงหนังเก่า ๆ ในกรุงเทพฯ
ศาลาเฉลิมกรุง สร้างเมื่อปี 2473 สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจะร่วมเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี แต่เสร็จไม่ทันจึงได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2476 แต่พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีหนังส่งเข้ามาฉายก็เลยเปลี่ยนเป็นโรงละคร ต่อมาปี 2492 หนัง 16 ม.ม.เรื่องสุภาพบุรุษเสือไทย ที่สร้างโดยแท้ ประกาศวุฒิสาร ได้เข้าฉายและสามารถทำรายได้สูงสุดจนช่วยปลุกโรงหนังและทำให้หนัง 16 ม.ม.รุ่งเรืองขึ้นมา ส่วนบริเวณข้าง ๆ โรงหนัง ก็มีผู้คนในวงการตั้งแต่ผู้สร้าง ดารา ตัวประกอบ นักพากย์ คนเขียนโปสเตอร์ สายหนังต่างจังหวัดมาเปิดกิจการเป็นจำนวนมากจนถูกเปรียบว่าเป็น ฮอลีวู้ดเมืองไทย แม้ปัจจุบันโรงหนังนี้จะยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่ก็ได้ปรับให้เป็นทั้งโรงละครและศาลาเพลงด้วย
ศาลาเฉลิมไทย เริ่มแรกเปิดเป็นโรงละครในปี 2492 ต่อมาในปี 2496 จึงเปลี่ยนเป็นโรงหนัง เคยผ่านการฉายหนังดัง ๆ อย่างเช่น เรือนแพ (2504) เป็ดน้อย (2511) โทน (2513) แต่ที่ต้องจดจำก็คือ เขาสมิง (2516) เพราะขณะฉายได้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาขึ้นมาพอดี ต่อมาภายหลังจำต้องปิดตัวเองเพราะรัฐบาลต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อเปิดโล่งให้เห็นโลหะปราสาท วัดราชนัดดา ป้อมมหากาฬ ภูเขาทองและสร้างพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมกับพลับพลาต้อนรับราชอาคันตุกะ จึงต้องปิดโรงในเดือนมกราคม 2532 แต่ก่อนที่จะถูกรื้อทิ้งได้มีการแสดงละครเวทีเรื่องพันท้ายนรสิงห์ เป็นการสั่งลาโรงหนังแห่งนี้ด้วย
ศาลาเฉลิมธานี เป็นโรงหนังเก่าซึ่งเปิดฉายหนังมาแต่ปี 2461 ตั้งอยู่บริเวณตลาดนางเลิ้ง ที่เป็นจุดเด่นก็คือ เป็นโรงหนังที่ด้วยสร้างด้วยไม้มี 2 ชั้น ติดพัดลม แต่ต่อมาจุดเด่นก็กลายเป็นจุดด้อยเมื่อคนหันไปนิยมโรงหนังติดแอร์ โรงนี้จึงปิดกิจการในปี 2536 โดยก่อนหน้านั้นแทบจะไม่มีการปรับปรุงใด ๆ เลยและยังเคยใช้เป็นฉากในการถ่ายทำหนังมาแล้วหลายเรื่อง แม้จะเลิกกิจการแล้ว แต่ก็ยังมีสภาพโรงหนังให้เห็นอยู่มาจนถึงวันนี้
ศาลาเฉลิมบุรี เดิมชื่อโรงหนังสิงคโปร์ เคยเปิดฉายหนังต่างประเทศ แต่ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ก็มีหนังไทย 16 ม.ม.เข้ามาฉาย ซึ่งมักจะยืนโรงฉายคู่กับศาลาเฉลิมกรุง เพียงแต่จะใช้ทีมพากย์คนละทีมกัน พอมาถึงยุคหนัง 35 ม.ม. ก็ฉายทั้งหนังไทย หนังเทศสลับกันไปจนกระทั่งปิดกิจการ ซึ่งปัจจุบันมีการรื้อตัวอาคารโรงหนังออกเป็นที่โล่งเพื่อให้เช่าจอดรถยนต์
คาเธ่ย์ เยาวราช ประเดิมเปิดโรงด้วยหนังไทยในปี 2498 จากนั้นก็มีหนังไทยยืนโรงฉายตลอดมา แต่หนังที่ทำเงินล้านให้กับโรงก็คือหนังของดอกดิน กัญญามาลย์ เรื่องนกน้อย (มิตร-เพชรา) ก่อนที่จะมีหนังเรื่องพ่อปลาไหล (สมบัติ-เพชรา) ของเชิด ทรงศรี มาลบสถิติไป พอเข้ายุคหนัง 35 ม.ม.ก็เปิดฉายหนังต่างประเทศด้วย ซึ่งหนังอินเดียของทิวาราตรีเรื่องช้างเพื่อนแก้ว เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากเพราะเข้ามาเรียกทั้งเงินและน้ำตาไปจากคนดู
คิงส์ ควีนส์ แกรนด์ เป็นสามโรงดังย่านวังบูรพาซึ่งมีมาแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความนิยมมากเพราะทำเลดีและเป็นที่ชุมนุมของวัยรุ่นในยุคนั้นซึ่งถูกเรียกว่า โก๋หลังวัง โรงหนังทั้งสามโรงนี้มีการฉายทั้งหนังไทยหนังเทศสลับกันไป ต่อมาโรงคิงส์และแกรนด์ก็ปิดกิจการ โดยมีการรื้ออาคารออกและสร้างใหม่เป็นห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิงส์ วังบูรพา ส่วนโรงควีนส์นั้นแม้จะเลิกกิจการแล้ว แต่โครงสร้างตัวอาคารก็ยังมีอยู่ให้เห็นโดยใช้เป็นพื้นที่จอดรถยนต์
เอ็มไพร์ เป็นโรงหนังเก่าแถวปากคลองตลาดที่ป้ายหน้าโรงเขียนว่า โรงภาพยนตร์ไทย เอ็มไพร์ เปิดฉายหนังไทยมาตั้งแต่ยุคหนัง 16 ม.ม.จนมาถึงยุค 35 ม.ม.ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น เพชรเอ็มไพร์ แล้วมักจะฉายหนังยืนคู่กับโรงหนังเพชรรามา ก่อนที่จะเปลี่ยนมาฉายสองเรื่องควบตามกระแสและสุดท้ายก็ปิดโรงแล้วดัดแปลงเป็นห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะมีภาพออกมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
เฉลิมเขตร์ เชิงสะพานยศเส ซึ่งเปิดฉายหนังต่างประเทศ แต่ก็มีหนังไทยของค่ายละโว้ภาพยนตร์และค่ายอื่นแทรกโปรแกรมบ่อย ๆ หนังที่ทำเงินและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงก็คือเงิน เงิน เงิน (มิตร-เพชรา) และเพชรตัดเพชร (มิตร-ลือชัย) โดยทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเคยฉายหนังไทยเรื่องแหวนทองเหลือง (ไชยา-นัยนา) ซึ่งเป็นหนังที่มีความยาวมากที่สุดอีกด้วย แต่ต่อมาก็เลิกกิจการไป
ยังมี โรงหนังอีกหลายโรงเช่น เพชรรามา โคลีเซี่ยม พาราเมาท์ เอเธนส์ พาราไดซ์ อินทรา แอมบาสเดอร์ แมคเคนน่า เมโทร ฮอลีวู้ด ฯลฯ ซึ่งเกิดมาเป็นโรงหนังชั้นหนึ่งในยุคนั้น ๆ ต่อมามีการจับมือเป็นเครือโรงหนังเช่น เครือไฟว์สตาร์ เครือสหมงคลฟิล์ม โดยแต่ละเครือก็จะป้อนหนังให้ฉายพร้อมกันหลาย ๆ โรง ซึ่งปัจจุบันโรงหนังเหล่านี้ได้เลิกกิจการไปหมดแล้ว แต่มีอยู่โรงหนึ่งที่ยังไม่ทันได้เกิดก็แท้งเสียก่อนคือ โรงหนังชัยบัญชา ของพระเอกมิตร ชัยบัญชา ที่ซื้อที่ดินและเตรียมจะสร้างเป็นโรงหนังอยู่ตรงข้ามศาลาเฉลิมไทย แต่เมื่อมิตรเสียชีวิต โครงการต่าง ๆ ก็ต้องเลิกไปโดยปริยาย แม้ปัจจุบัน โรงหนังเก่า ๆ จะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว แต่ก็ยังมีอีกโรงหนึ่งที่ยังมีหนังไทยในอดีตกลับมาฉายให้เราได้ดูได้ศึกษาคือ โรงหนังอลังการ ซึ่งเป็นโรงหนังเล็ก ๆ ของหอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา.....
อ้างอิงจาก Thaiflim Foundation
วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2560
เหตุแห่งความสุขสวัสดี
เหตุแห่งความสุขสวัสดี ความสุขสวัสดีเป็นที่ปรารถณาโดยทั่วไป ตามหลักพระพุทธศาสนา เหตุแห่งความสุขสสวัสดี พอประมวลได้เป็น 2 ประการคือ...........
1.พลังแห่งความปรารถณาดีต่อกัน เช่น บุตร์ธิดาต้องการความปรารถณาดีจาก บิดา - มารดา จึงขอพรจากท่าน บิดา - มารดามีความปรารถณาดีต่อ บุตร - ธิดาจึงอธิษฐานให้ลูกได้รับพรที่ดี พลังจิตที่ปรารถณาดีของทั้ง 2 ฝ่ายรวมกันทำให้เกิดความสุขสวัสดีได้จึงมีประเพณีขอพร และให้พรที่ถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน 2.การประพฤติธรรม ที่เป็นเหตุให้เกิดความสุขสวัสดี ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ 4 ประการคือ...........
1.ความฉลาด
2.ความพยายาม
3.ความระมัดระวัง
4.ความเสียสละ หากปฏิบัติรวมกันทั้ง 2 อย่างก็ยิ่งทวีความสุขสวัสดี
คัดจากลอกออกมาจาก...หนังสือธรรมมะให้ลูกดี สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ)
ป้ายกำกับ:
ชวนคิดชวนคุย,
พุทธทาส,
chainatown,
dhamma,
yaowarat
คนค้าขายไม่ต้อนรับลูกค้า
ณ.บัดนี้จักนำส่วนหนึ่งของเวรัญชกัณฑ์ โดยย่อความมาให้อ่านกัน ขอจิบชาให้สบายอารมณ์และทดสอบคอมพิวเตอร์ก่อนก่อน หลายสิบวันผ่านมาแล้วผมไปซื้อของที่ร้านแห่งหนึ่งเราก็ตั้งใจที่จะไปอุดหนุนเขาเต็มที่แต่กิริยาของเขาไม่ต้อนรับลูกค้าเลยไม่ใช่ผมมีอุปทานน่ะเพราะผมก็เป็นพ่อค้าเหมือนกันผมสังเกตุหลายร้านแล้วเรื่องนี้ไม่ควรเอ่ยว่าร้านอะไรอยู่แห่งหนใดแต่พออีกหลายวันต่อมาผมไม่ซื้อของที่ห้าง
สรรพสินค้าได้รับการต้อนรับอย่างดีอีกทั้งพนักงานยกมือไหว้เป็นการให้เกียรติ์ลูกค้าทำไม่ถึงเป็นเช่นนี้ในส่วนตัวผมคิดว่า(คนต้องเท่ากับคน)ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องการเหยียดชนชั้นซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยแต่ผมเสียความรู้สึกดี ๆ และก็ไม่ไปเหยียบอุดหนุนร้านนั้นอีกเลยอันนี้ต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้น่ะ
การค้าใช่หยิบฉวย
กำไลช่วยให้อยู่รอด
ค้าไปใจอย่าถอด
มิเอาเปลียบกำไลเกิน
การค้าต้องลงแรง
หยาดเหงื่อแพงกว่าตัวเงิน
สรรค้าแข่งต้องเมิน
หูทวนลมบ้างประไร
การค้าได้เป็นทุน
ห้เจือจุนบุญทานไว้
เก็บออมรู้จ่ายใช้
ให้สมค่าราคาคน
การค้าต้องหยั่งมิตร
ต้องสุจริตไม่วกวน
ซื่อสัตย์เสนอสนน
ราคาขายจ่ายไม่แพง
การค้าหยั่งเลี้ยงชีพ
ต้องเร่งรีบต้องขันแข่ง
ลงทุนและลงแรง
ลุแก่เพียรมิอับจน
การค้าอย่างที่ชี้
ค้าอย่างนี้ตรากตรำทน
รวยจนมีทุกคน เพียงพออยู่อยู่พอเพียง.......ธรรมธวัช
เรื่อง เวรัญชพราหมณ์ พระวินัยปิฎก เล่ม 1
มหาวิภังค์ ปฐมภาค เวรัญชกัณฑ์
(1)โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เวรัญชพราหมณ์ได้สดับข่าวถนัดแน่ว่า ท่านผู้เจริญ พระสมณะโคดมศากยบุตร ทรงผนวชจากศากยตระกูลประทับอยู่ ณ บริเวณต้นไม้สะเดาที่นเฬรุยักษ์สิงสถิต เขตเมืองเวรัญชา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ก็แลพระกิตติศัพท์อันงามของท่านพระโคดมพระองค์นั้น ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคองค์นั้น ทรงเป็นพระอรหันต์แม้เพราะเหตุนี้ ทรงตรัสรู้เองโดยชอบแม้เพราะเหตุนี้ ทรงบรรลุวิชชาและจรณะแม้เพราะเหตุนี้ เสด็จไปดีแม้เพราะเหตุนี้
ทรงทราบโลกแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นศาสดาของเทพและมนุษย์ทั้งหลายแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพุทธะแม้เพราะเหตุนี้ ทรงเป็นพระผู้มีพระภาคแม้เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง แล้วทรงสอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทพและมนุษย์ ให้รู้ ทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ อนึ่ง การเห็นพระอรหันต์ทั้งหลายเห็นปานนั้น เป็นความดี
ผู้ที่มีเพื่อนมากมีโอกาสมากกว่าในการเจริญเติบโตและพัฒนาตนเอง ดังนั้น พวกเขาจะทำให้สังคมดีขึ้นและนำไปสู่ความสุข ชีวิตที่พึงพอใจในทุกสถานการณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เช่น การสื่อสารการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันมีความสำคัญ เราจำเป็นต้องริเริ่มและรักษามิตรภาพและความสัมพันธ์กับคน
จำนวนมากทั้งภายใน(องค์กร)และสังคมโดยรวมชีวิตของเราจะเปิดออกและจะอุดมสมบูรณ์ตราบเท่าที่เรามีการกระทำดังกล่าวสิ่งที่เราเรียนรู้จากการเผชิญหน้าหรือเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ละอย่างนั้นสำคัญมาก ความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเริ่มต้นจากการสามารถจินตนาการความทุกข์ของเขา การเอาใจใส่ผู้อื่นเป็นผลจากการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)